ลง text link แสดงทุกหน้า ติดต่อ ait.arsenal@gmail.com

ผมไม่เคยรู้สึกเหมือนเป็นนักเตะ อาร์เซนอล – คิม คาลล์สรอม

By
Updated: เมษายน 12, 2020

6 ปีก่อน เขาก้าวเข้ามา, ยิงจุดโทษ, คว้าถ้วยรางวัลและก็ก้าวออกจากทีม

นี่คือเรื่องราวที่แปลกประหลาดในชีวิตค้าแข้งของ คิม คาลล์สตรอม ที่ อาร์เซนอล

ผมไม่เคยรู้สึกเหมือนเป็นนักเตะ อาร์เซนอล – คิม คาลล์สรอม

เฮ้, จำผมได้ไหม? นี่คือ คิม คาลล์สตรอม แต่คุณอาจรู้จักผมจากคนที่เคยมีอาการหลังหักมาแล้ว

มันโอเคนะ ผมสามารถหัวเราะกับมันได้แล้วในตอนนี้! เพราะช่วงเวลาของผมที่ อาร์เซนอล นั้นเป็นสิ่งพิเศษอย่างมากสำหรับผมและแม้ว่ามันจะสั้นไปหน่อย, ผมก็ได้เห็นว่ามันเป็นช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ยอดเยี่ยม

มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ชีวิตค้าแข้งของผมดีขึ้นบ้าง, สนุกขึ้นบางและมันทำให้ผมมีเรื่องเล่าที่ยอดเยี่ยมเลยละ, ผมได้พบผู้คนที่ยอดเยี่ยม, ทำงานกับโค้ชที่ยอดเยี่ยมและได้เล่นให้กับสโมสรที่น่าเหลือเชื่อ

ดังนั้น มาเริ่มเรื่องราวนี้กันว่ามันเริ่มต้นยังไง, และเมื่อคุณได้พบว่าผมเซ็นสัญญากับ อาร์เซนอล, มติเยอ ฟลามินี่ โดนแบน 2-3 เกมมั้ง ผมว่านะ, เขามีอาการบาดเจ็บด้วยแหละ และผมก็อยู่ใน อาบู ดาบี พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม สปาร์ตัค มอสโคว ของผม, ผมอยู่บนรถเมล์กำลังเดินทางไปยังสนามเพื่อฝึกซ้อม และเอเย่นต์ของผมก็โทรมาหาผม

“คุณอยากที่ไปไปพรีเมียร์ลีกด้วยสัญญายืมตัวไหม?

“ไม่, ก็ไม่เชิงนะ” ผมตอบกลับไป “มันน่าจะสนุกดีที่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีก, แต่ผมไม่สนใจสัญญายืมตัว”

ผมมีครอบครัวและในตอนนั้น ทุกคนก็อยู่ใน มอสโคว กันหมด, เรามีความสุขดีที่นั่นและรักชีวิตในรัสเซีย

“คุณแน่ใจนะ?” เขาถามผม

“ใช่, ผมแน่ใจ ผมจะอยู่จนกระทั่งซัมเมอร์และหลังจากนั้นเราจะคอยดูกัน”

หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที เขาก็โทรหาผมอีกครั้ง

“คิม, คุณแน่ใจนะว่าไม่อยากย้ายไป? พวกเขากระตือรือร้นที่จะเซ็นสัญญายืมตัวคุณนะ”

“ไม่ละ, บอกพวกเขาว่าผมไม่ต้องการไป ผมอยากอยู่ที่นี่”

หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาโทรกลับมาอีกครั้ง และผมก็ชักจะเริ่มรำคาณนิดหน่อยละ

“คุณแน่ใจนะว่าไม่อยากไป?”

“ได้โปรด เลิกโทรหาผมได้แล้ว ผมไม่อยากไป”

“มันคือ อาร์เซนอล นะ”

“โอเค ผมไป!”

มันมี 2-3 สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่สนใจในตัวผมและผมไม่คิดว่ามันจเป็นสโมสรท็อปอย่าง อาร์เซนอล

ผมเปลี่ยนความคิดทันทีและหลังจากนั้น โทรบอกภรรยา บอกเธอว่าผมกำลังจะย้ายไปอยู่ในลอนดอนซัก 2-3 เดือนและหลังจากนั้นก็เป็นอย่างนั้น, สำหรับเรา มันคือประสบการณ์และเรารู้ว่าเราไม่ได้จะไปอยู่ที่นั่น ดังนั้นเราแค่ทำให้ดีที่สุดใน 2-3 เดือนเพื่อสนุกกับเมืองและสโมสร

เพราะเราอยู่ในแคมป์ซ้อมใน อาบู ดาบี, ผมมีเพียงประเป๋าเดินทางใบเดียว, เราคิดว่าจะบินกลับไป มอสโคว ในอีกวัน, มันยังไม่ชัดเจนว่าผมจะย้ายไปหรือไม่, ตลาดนักเตะกำลังปิดอยู่และแน่นอนมีช่วงเวลาที่แตกต่างกันด้วย

ผมขึ้นเครื่องบินหลังจากเที่ยงคืนนั้น, ไม่ได้แม้กระทั่งกล่าวลาเพื่อนร่วมทีมเพราะพวกเขากำลังหลับกันอยู่, มันเกิดขึ้นเร็วมากๆหลังจากนั้น ผมก็เข้ารับการตรวจร่างกาย!

หลายคนคิดวาพวกเขารู้เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บนี้ แต่ขอผมอธิบายให้ชัดๆ, เรากำลังซ้อมกับบนชายหาด – มันเป็นเรื่องที่น่าอาย – และมันก็เป็นการฝึกซ้อมด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่การเล่นสนุกๆ, ผมบอกว่ามันคือชายหาด มันก็เหมือนพื้นคอนกรีตด้วยแหละ อย่างไรก็ตามเรามีเกมที่นั่นและผมล้มลงทับก้อนหินเล็กๆ

ผมล้มทับหลังของผมและมีอาการเจ็บ, จริงๆแล้วเราจะกลับ มอสโคว ในอีกวัน ดังนั้นเราเลยไม่ได้ทำการตรวจเช็คทางการแพทย์อะไร เพราะมันไม่ได้แย่มากในตอนนั้น, เราได้แจ้งให้ อาร์เซนอล โดยตรงว่าผมมีปัญหาที่หลังและผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงบอกให้ผมเข้ามา

มันเบลอๆหน่อยๆเพราะข้อตกลงมันไปไวมาก, ผมมายังลอนดอน เราตรวจร่างการและเราเจอปัญหาบางอย่าง แต่เราก็จัดการข้อตกลงกันต่อไป ผมคิดว่าตลาดนักเตะน่าจะปิดเพราะผมได้รับบาดเจ็บ แต่เราทำข้อตกลงระหว่างสโมสรโดยบอกว่าผมจะได้อยู่ต่อ

มันเป็นช่วงนาทีสุดท้ายของตลาดซื้อขายจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเซ็นสัญญากับผมไม่ว่าอาการที่หลังจะดีหรือไม่ หรือพวกเขาไม่สามารถคว้าใครได้เพราะไม่มีเวลาเหลือมากพอ, นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาเซ็นผมและในที่สุดมนก็ค่อนข้างดี

ผมได้เซ็นสัญญากับ 2-3 สโมสรในอาชีพของผม แต่มันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวในฐานะแข้งยืมตัวในเดือนมกราคม, ทุกคนที่นั่นรู้ว่าผมได้อยู่ที่นั่นในฐานะแข้งสำรอง , พอนอกสนาม คุณไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง ผมแค่ทำเหมือนมันเป็นการผจญภัย

มีนักเตะฝรั่งเศสหลายคนที่นั่น และจริงๆแล้วบอสด้วย, ผู้คนส่วนมากรอบๆสโมสรก็สามารถพูดฝรั่งเศสได้, ผมพูดฝรั่งเศสเพราะผมเคยอยู่กับ ลียง ดังนั้นมันช่วยได้, ผมมีชื่อตัวเองในฝรั่งเศส ดังนั้นนั่นทำให้มันง่ายขึ้นเพราะพวกเขาจำผมาได้ และ นิคคลาส เบนท์เนอร์ ก็อยู่ที่นั่น ดังนั้นผมสามารถคุยภาษาสวีเดนและเดนิชกับเขาได้, มันทำให้ง่ายขึ้นในการปรับตัวได้เร็ว

มีนักเตะ 2-3 รายที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลาเดียวกับผม, อารอน แรมซี่ย์ คือหนึ่งในพวกเขา, ในทางหนึ่งมันดีที่เคยมีประสบการณ์กับอาการบาดเจ็บ เพราะคุณอยู่ที่สนามซ้อมมากขึ้นและคุณได้เจกทุกคนรอบๆสโมสร, เมื่อนักเตะกลับไป ผมอยู่ต่อหลังจากซ้อมเพื่อทำให้แน่ใจว่าผมจะมีการฟื้นฟูที่ดี

ผมล้อมรอบไปด้วย ซานติ กาซอร์ล่า, เมซุท โอซิล, คนหล่านี้ซึ่งเพียบพร้อมด้วยความสามารถ, มันดีที่ได้เห็นพวกเขาทุกๆวันในการทำงาน, ผู้คนต่างเป็นมืออาชีพ, ผมได้เล่นเคียงข้างกัล ซลาตัน อิบราฮิโมวิช มาเป็นเวลานาน และเขาก็คือมืออาชีพอย่างแท้จริง, แต่หลังจากนั้นผมมาที่นี่และได้เห็นความเป็นมืออาชีพอย่างที่ มิเกล อาร์เตต้า มัน.. ว้าว, เขามุ่งมั่นในเกมมากๆและมีส่วนร่วมอย่างดี, ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการได้ดูเขา

อย่างที่ผมบอก, ผมจะอยู่ที่นั่นในตอนเที่ยงเสมอ เพราะผมทำงานหนักและผมอยากจะฟิตอยู่เสมอ ดังนั้นบางครั้งบอสก็เข้ามาและเราได้คุยเกี่ยวกับฟุตบอลฝรั่งเศส, นั่นเป็นประสบการที่ดี

ผมมองย้อนกลับไปยังช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยความรัก เพราะเมื่อผมได้ไตร่ตรองถึงตอนนี้, ผมไม่เคยรู้สึกเหมือนเป็นนักเตะ อาร์เซนอล เลยจริงๆ, ผมจำการฉลองแชมป์เอฟเอคัพได้และความรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกที่มองเข้าไปข้างใน, ผมเป็นส่วนหนึ่งของมัน, แน่นอน, แต่ก็ไม่ใช่จริงๆ

ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย… ผมได้อยู่ในทีมเกือบตลอดทั้งเกมก่อนหน้านั้น ดังนั้นผมคาดหวังที่จะได้อยู่ในทีมเพราะอาการบาดเจ็บ, เมื่อคุณได้อยู่ในทีม ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ และหลังจากนั้นบอสก็ส่งผมลงไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ผมมีโอกาสจะๆเพียงครั้งเดียวเมื่อ ชิรูด์ สะบัดมาให้ผมและผมมีโอกาสยิงซึ่งไม่ว่าจะยิงออกหรือข้ามคาน มันก็ไม่ตรงกรอบ และผมไม่มั่นใจว่าบอลมันตกลงถึงพื้นหรือยัง!

เกมเข้าสู่ช่วงดวลเป้า ดังนั้นในช่วงสิ้นสุดของการต่อเวลา บอสได้เข้ามาหาผมและพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส

“คุณจะยิงจุดโทษไหม?”

“ได้, เอาสิ ผมจะยิง”

“โอค, คุณจะได้ยิงเป็นคนที่สอง”

ในตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าเกมนั้นสำคัญแต่ไหนสำหรับผม, อาร์เซนอล คือสโมสรที่คว้าถ้วยนี้สูงสุดตลอดกาล, ไร้พ่ายและยุคของ เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก อยู่ในหัวของผม ดังนั้นผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นเวลายาวนานแค่ไหนนับตั้งแต่ถ้วยรางวัลใบสุดท้าย, ความกดดันเพื่อเอาชนะมันยิ่งใหญ่มาก, เห็นได้ชัดว่าโค้ชทุกคนรู้สึกอย่างนั้น แต่ผมไม่ได้รู้เรื่องในตอนนั้น

มันคือจังหวะที่ใช่ในช่วงเวลาที่ใช่ เพราะผมคิดว่าพวกเขาพลาดในลูกแรกหรือลูกที่สอง และมันง่ายขึ้นที่จะยิงต่อจากคู่ต่อสู้ของคุณที่เพิ่งยิงพลาด แต่สิ่งที่ผมจะจดจำได้เสมอคือเดินเข้าไปที่บอลจากเส้นกลางสนาม

“นี่มันแปลกนะ” ผมคิดกับตัวเอง “นี่มันแปลกจริงๆ!”

คนถามผมกันว่าทำไมผมถึงเดินยิ้มไป – เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครยิ้มเลยเมื่อพวกเขาต้องเดินไปแบบนั้น – แต่คุณต้องเข้าใจ ผมไม่ได้คิดที่จะยิงจุดโทษนั้นให้กับ อาร์เซนอล ที่เวมบลี่ย์

แต่ผมก็ทำ, ผมยิงประตู เราชนะ

จุดโทษนั้นเปลี่ยนประสบการณ์สำหรับผมอย่างยิ่งใหญ่, ผมมาที่นี่, มีอาการบาดเจ็บและไม่ได้ลงเล่นมากนัก, แน่นอน นั่นคือส่วนหนึ่งของเกม แต่หลังจากนั้นเมื่อคุณยิงจุดโทษได้ในท้ายที่สุดคุณมีส่วนร่วม, มันเป็นถ้วยที่สำคัญสำหรับสโมสร ดังนั้นมันเป็นเรื่องสนุกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผม

ผมอาจพูดได้ว่าในช่วงอาชีพของผม จุดโทษนั้นคือไฮไล้ท์, ส่วนใหญ่เป็นเพราะขนาดของสโมสร แต่เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่แปลกด้วยเช่นกัน, มันแตกต่างจากที่อื่นๆซึ่งผมเคยคว้าแชมป์หรือคว้ามแชมเปี้ยนชิพในฝรั่งเศส เพราะคุณสู้กันมา 11 เดือนเพื่อคว้าถ้วย

ผมได้เห็นแฟนบอลซึ่งยิงมุกบนอินเตอร์เน็ทเกี่ยวกับช่วงเวลาของผมที่นี่ แต่ผมคิดว่ามันก็ค่อนข้างฮานะ, มีนักเตะมากมายซึ่งทำอะไรมากมายให้กับ อาร์เซนอล มากกว่าผม แต่หลังจากนั้นในขณะเดียวกันก็มีนักเตะมากมายซึ่งทำอะไรได้น้อยกว่าทั้งที่มีเวลามากกว่า!

ที่นี่ ผมเดินเข้ามา, ยิงจุดโทษ, เราคว้าถ้วยและหลังจากนั้นผมก็เดินออกไปอีกครั้ง

ใครจะไปคิดละ, คนที่มาพร้อมกับหลังที่หักเหรอ?

คิม คาลล์สตรอม

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply