Somewhere I belong

หลังจากปล่อยให้รอคอยมานานกับ นาฬิกาทราย ที่ในที่สุดก็จบสิ้นลง พร้อมกับการต่อสัญญาใหม่ของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (31 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) ด้วยจำนวน 3 ปี ตามการยืนยันจากสโมสร

“เสือดำแห่งกาบอง” กลายเป็น นักเตะ ค่าเหนื่อยแพงที่สุดของสโมสรคนใหม่ แทนที่ของ เมซุต เออซิล ที่เซ็นสัญญา 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2018

ว่ากันตาม “เนื้อข่าว” การเจรจาสัญญาใหม่ของ โอบาเมยอง มีการพูดคุยแรกเริ่มตั้งแต่ในช่วงต้นฤดูกาล 2019-2020 หลังการปิดตลาดการซื้อขายเดือนสิงหาคม 2019 อาร์เซนอล มีข่าวต่อสัญญา โอบาเมยอง และ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ (29 ปี สัญญาถึงกลางปี 2022) แต่สุดท้ายในช่วงนั้น มีข่าวอออกมาว่า ทั้งสองคน ไม่พร้อมเจรจา เพื่อดูทิศทาง และโอกาสประสบความสำเร็จของสโมสรเสียก่อน

2019-2020 เป็นฤดูกาลแห่งความวุ่นวายระดับ “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” ของ อูไน อเมรี่ ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ปัญหามากมายเกิดขึ้น ผลงานในสนามแย่ ฟอร์มการเล่นก็แย่ นักเตะในทีม มีเรื่องมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

• เหตุการณ์ความพยายามในการปล้น เมซุต เออซิล และ เซอัด โคลาซินัค

• การหลุดออกจากตัวจริงของ เมซุต เออซิล

• การมีปัญหาระหว่าง กรานิท ชาก้า และ แฟนบอล ที่จบลงด้วยการเปลี่ยนกัปตันทีม

แต่ที่สำคัญที่สุดคือผลงานในสนาม นำพาให้ อูไน อเมรี่ ต้องออกจากทีมไป การเข้ามาแทนที่ชั่วคราวของ เฟรดริค ลุงเบิร์ก จบด้วยการเซ็นสัญญา มิเคล อาร์เตต้า ที่คงไม่ต้องบอกแล้วว่า สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร

ราอูล ซาเนฮี ซึ่งตอนนี้กลายเป็นอดีต พนักงานสโมสรไปแล้ว เป็นหัวเรือใหญ่ เดินเรื่องในการต่อสัญญากับ โอบาเมยอง ก่อนที่สุดท้าย ดีลจบลงด้วย เอดู, ฮุสส์ ฟาห์มี่ และ อาร์เตต้า จะลงมารับช่วงต่อเพื่อโน้มน้าวใจ นักเตะ จนสำเร็จ

“บรรยากาศพาไป” อาร์เซนอล จบฤดูกาลที่กระท่อนกระแท่นมาทั้งฤดูกาล ด้วยการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ตามด้วย คอมมิวนิตี้ ชิลด์ พร้อมการเดินเรื่องเจรจา ซึ่ง อาร์เตต้า เป็นคนเจรจาด้วยตนเอง ทั้งกับ นักเตะ รวมถึง ครอบครัว ซึ่ง “ปิแอร์ โอบาเมยอง” พ่อของกัปตันทีมปืนใหญ่ เป็นหนึ่งในคนสำคัญ ที่ทำให้ ทุกอย่างราบรื่น พร้อมตอกย้ำ ด้วยการมอบค่าเหนื่อยที่ระบุว่า “สูงที่สุด” ของสโมสร เป็นการตอกย้ำ การให้คุณค่าของนักเตะอย่างชัดเจน [ยังไม่มีข้อมูลอย่างน่าเชื่อถือออกมา]

“ทีมประสบความสำเร็จ และมีแนวโน้มที่จะดียิ่งขึ้น นักเตะมีความสุขกับ สโมสร เป็นที่รักของแฟนบอล” นักเตะสักคน จะต้องการอะไรมากไปกว่านี้

นับจากวันแรกที่เข้ามาทำงานด้วย มิเคล อาร์เตต้า รู้จัก โอบาเมยอง พอสมควร ในวันแรกที่เดินเข้ามาที่ อาร์เซนอล ในฐานะ นายใหญ่ แต่ก็ต้องการรู้จักกันให้มากขึ้น และเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องต้องปิดบังที่ว่า ในตลาดการซื้อขาย เดือนมกราคม 2018 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นหนึ่งสโมสร ที่มีการยื่นข้อเสนอเข้าไปถึง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ เพื่อขอซื้อตัวเขามาร่วมงานด้วย แต่สุดท้ายถอนสมอ ออกจากดีลนี้ เนื่องด้วยเรื่องของ “ทัศนคติ และพฤติกรรม” ของเขาที่มีการรายงานว่า โอบาเมยอง มีปัญหาในเรื่องนี้ ก่อนที่สุดท้าย อาร์แซน เวนเกอร์ จะเซ็นสัญญา “อัศวินคนสุดท้าย” ของเขาด้วยค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร ณ.เวลานั้น

“วันแรกที่ผมเข้ามาที่นี่ ผมมีคำถามที่ต้องการรู้เกี่ยวกับตัว โอบาเมยอง ไม่น้อยเลยล่ะ” อาร์เตต้า กล่าวผ่านสื่อในเดือนกุมภาพันธ์ 2020

การระบาดของไวรัส Covid-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับทุกสโมสร ทั่วโลก รวมถึง อาร์เซนอล อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นข้อดีเพียงไม่กี่ข้อ ที่ อาร์เตต้า ได้จากเรื่องนี้ คือ การมีเวลาในการพูดคุย และรู้จักกับ นักเตะ มากยิ่งขึ้น

ทุกวันในช่วงของการ “กักตัว” บ้านใครบ้านมัน นอกจากการลงซ้อมกันตามโปรแกรมแบบแยกบ้านแล้ว อาร์เตต้า จะคุยกับทีมงานทุกวัน ในเรื่องของแผนการเล่น ไปจนถึงสิ่งที่เขาต้องการ และอีกส่วนหนึ่งคือ จะโทรหา นักเตะ เพื่อพูดคุย หนึ่งในนั้นคือ โอบาเมยอง ซึ่งเขาพบว่า โอบาเมยอง มีความเป็น มืออาชีพ และเป็นบุคคลที่ดีคนหนึ่ง ซึ่งแสดงผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้ อาร์เตต้า วาง โอบาเมยอง เป็นหนึ่งใน นักเตะสำคัญในแผนงานการสร้างทีมของเขา พร้อมกับการแสดงความเชื่อมั่น ชื่นชม เกี่ยวกับ นักเตะ มาโดยตลอด เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม หลายครั้งก็ยืนยันว่า เขามั่นใจว่า โอบาเมยอง จะต่อสัญญากับทีม อย่างแน่นอน และสุดท้ายก็สมหวัง
การแสดงออกของโอบาเมยอง ในช่วงก่อนการต่อสัญญา ก็แสดง “สัญญาณ” ที่ดี เขามีความสุขกับครอบครัว ที่ใส่เสื้อ อาร์เซนอล กันบ่อยครั้งออกสื่อ ไม่ต่างจากตัว โอบาเมยอง เองก็เช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ได้มีความรู้สึกว่าต้องการย้ายทีม โดยแม้ว่าจะมีข่าวกับ อินเตอร์ มิลาน และ บาร์เซโลน่า ก็ตาม และสุดท้ายยืนยันด้วยสัญญาใหม่ในที่สุด

I feel like I belong here. I believe in Arsenal -Pierre-Emerick Aubameyang-

การต่อสัญญาของ โอบาเมยอง ส่งผลเชิงบวกขั้นรุนแรง ระดับเดียวกับการเซ็นสัญญา นักเตะ ระดับโลกเข้าสู่ทีม และนั่นส่งผลต่อ ความเชื่อมั่นของ นักเตะ ที่เหลือ รวมถึงแฟนบอล และ อนาคตของ นักเตะ ที่อยากมาร่วมงานกับ อาร์เซนอล ในอนาคต

เป้าหมายของ อาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้ ขั้นต่ำสุดคือ การต้องไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้จงได้ ถ้ามองนับจากวันที่ มิเคล อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีม วันนั้นอย่าเรียกว่า จะมีโอกาสเลย เรียกว่า จะทำอย่างไรให้ไม่ตกต่ำไปกว่านี้น่าจะเหมาะกว่า แต่มาวันนี้ ผ่านไป 9 เดือน มันคนละเรื่องอย่างแท้จริง

“สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” มิเคล อาร์เตต้า ที่เคยถูกด่าจากแฟนบอลในไทยมาแล้วว่า “ก็แค่ ลูกน้องเป๊ป” กลายเป็น “อาร์เตต้า” ผู้ทำให้แฟนบอล อาร์เซนอล กลับมามีความสุข รอคอยวันแข่งของ อาร์เซนอล ในทุกสัปดาห์ เพื่อพา “ปืนใหญ่” กลับไปยังจุดที่พวกเขาควรอยู่ให้ได้อีกครั้ง คาสิโนออนไลน์

ที่มา Football Stories by Boydacz

You must be logged in to post a comment Login